เมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seed) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า Pepita เป็นเมล็ดจากผลของพืชในสกุล Cucurbita โดยเฉพาะ Cucurbita pepo L. ซึ่งอยู่ในวงศ์ Cucurbitaceae หรือที่เรียกว่า “ตระกูลแตง” ในปัจจุบัน เมล็ดฟักทองได้ถูกนำมาดัดแปลงผ่านกระบวนการต่างๆ เพื่อให้ได้สารสำคัญที่มีคุณค่าทางโภชนาการและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพเข้มข้นในรูปแบบสารสกัดเมล็ดฟักทอง (Pumkin Seed Extract) ปัจจุบันสารสกัดเมล็ดฟักทอง (Pumkin Seed Extract) ถูกจัดอยู่ทั้งในกลุ่ม Functional Food และ Nutraceuticals เนื่องจากสารสกัดเมล็ดฟักทอง(Pumkin Seed Extract) อุดมไปด้วยทั้งสารอาหารหลักและสารออกฤทธิ์เฉพาะที่ได้รับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีผลต่อสุขภาพและช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง[1]
| ชื่อสามัญ | Pumpkin Seed Extract |
| ลักษณะ | ผงสีเขียวอมน้ำตาล |
| แหล่งที่มา | เมล็ดของฟักทอง |
| ประโยชน์ | เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ ลดสิว ผิวมัน และผมร่วง บำรุงเส้นผม ผิวพรรณ และต่อมลูกหมาก เสริมสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด |
| ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ | Nectapharma Pearletane |
TLDR
สารสกัดเมล็ดฟักทอง (Pumkin Seed Extract) ถูกจัดอยู่ทั้งในกลุ่ม Functional Food และ Nutraceuticals
อุดมไปด้วยทั้งสารอาหารหลักและสารออกฤทธิ์ ได้รับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์แล้วว่ามีผลต่อสุขภาพและช่วยลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง
มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน เช่น สิว ผม ผิวพรรณ ต่อมลูกหมาก สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
สารสำคัญในสารสกัดเมล็ดฟักทอง (Pumkin Seed Extract)
สารสกัดเมล็ดฟักทอง(Pumkin Seed Extract) อุดมไปด้วย ทั้งสารอาหารหลัก[2], [3] ได้แก
- โปรตีน (Protein): ประมาณ 25–37%
- ไขมันดี (Healthy Fats): ประมาณ 35–50%
- คาร์โบไฮเดรตและใยอาหาร (Carbohydrate & Fiber): มีใยอาหารราว 3–6%
- แร่ธาตุ (Minerals): เช่น โพแทสเซียม (K), โซเดียม (Na), แคลเซียม (Ca), แมงกานีส (Mn), ฟอสฟอรัส (P), ทองแดง (Cu), และแมกนีเซียม (Mg)
รวมถึง วิตามิน E (Tocopherols) ในปริมาณสูง ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินกลุ่ม B-complex ที่มีบทบาทในกระบวนการเมตาบอลิซึม นอกเหนือจากสารอาหารพื้นฐานแล้ว สารสกัดเมล็ดฟักทอง (Pumkin Seed Extract) ยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Bioactive Compounds) หลายกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ ดังตารางต่อไปนี้[3], [4]
|
กลุ่มสารออกฤทธิ์สำคัญ |
ตัวอย่างสาร |
กลไกการออกฤทธิ์ |
|
Phytosterols |
Δ7- Sterols, Δ7,25- Stigmastadielnol Δ7,22,25- Stigmastadielnol, Δ7- Avenasterol |
ยับยั้งเอนไซม์ 5α-reductase ลดลดการเปลี่ยน Testosterone เป็น DHT |
|
Polyphenols |
Phenolic acids เช่น Caffeic Acid, Protocatechuic Acid, Vanillin, Trans-p-Coumaric, Ferulic Acid, Syringic Acid) |
ลด Oxidative Stress |
|
Carotenoids |
β-Carotene, Total Carotenoids |
ลด Oxidative Stress |
|
Terpenoids |
Triterpene Squalene |
ลด Oxidative Stress |
ประโยชน์สารสกัดเมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seed Extract) ที่ควรรู้!
Pumpkin Seed Extract ต่อสุขภาพผิว (สิวและความมัน)
ปัญหาสิวและผิวมันเป็นหนึ่งในความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชาย Testosterone ไปเป็น Dihydrotestosterone (DHT) ซึ่งสารสกัดเมล็ดฟักทอง (Pumpkin Seed Extract) มีสาร Phytosterols ที่สามารถช่วยลดระดับฮอร์โมน DHT ส่งผลให้ความมันบนใบหน้าลดลงและโอกาสการเกิดสิวน้อยลงด้วย นอกจากนี้สาร Phytosterols ยังมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ ซึ่งถือเป็นอีกกลไกที่ช่วยบรรเทาอาการสิวได้[5]

Pumpkin Seed Extract ต่อสุขภาพเส้นผม (ผมร่วงจากฮอร์โมน)
กลไกหลักที่ทำให้ผมร่วงเกิดจากการที่มีฮอร์โมน DHT สูง ส่งผลกระตุ้นให้เซลล์เส้นผมค่อย ๆ หดตัวลง ทำให้เส้นผมที่งอกใหม่มีขนาดเล็กและบางลงเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดวงจรเส้นผมสั้นลงและเกิดอาการผมร่วง ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า การรับประทานทานสารสกัดเมล็ดฟักทอง อย่างต่อเนื่อง สามารถช่วยชะลอผมร่วงจากฮอร์โมนและส่งเสริมการงอกของเส้นผมได้อย่างมีนัยสำคัญ[6]
Pumpkin Seed Extract ต่อสุขภาพต่อมลูกหมาก (Benign Prostatic Hyperplasia, BPH)
ภาวะต่อมลูกหมากโต เป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัยกลางคนถึงผู้สูงอายุ สาเหตุการเกิดส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเช่นกัน โดยเฉพาะฮอร์โมน DHT อาการแสดงที่พบในภาวะต่อมลูกหมากโตจะเรียกรวมว่า Lower Urinary Tract Symptoms (LUTS) ได้แก่ ปัสสาวะบ่อย (Frequency), ปัสสาวะไม่สุด (Incomplete Emptying), ปัสสาวะสะดุด (Hesitancy) หรือปัสสาวะกลางคืนบ่อย (Nocturia)[7] งานวิจัยพบว่า การรับประทานสารสกัดเมล็ดฟักทอง (Pumkin Seed Extract) เป็นระยะเวลา 12 เดือน สามารถช่วยลดอาการ LUTS ได้อย่างมีนัยสำคัญ[8], [9]

Pumpkin Seed Extract ผลต่อการลดคอเลสเตอรอลและสนับสนุนหัวใจ
สารสกัดเมล็ดฟักทอง (Pumkin Seed Extract) มีสาร Phytosterols และ กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFAs) ที่มีผลช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากลำไส้และยังช่วยเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) จากงานวิจัยในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนพบว่า การรับประทานสารสกัดเมล็ดฟักทอง นาน 12 สัปดาห์ ส่งผลให้ ระดับ HDL เพิ่มขึ้นและความดันโลหิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ[10]


