Niacinamide (ไนอาซินาไมด์/ไนอะซินาไมด์) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วิตามินบี 3 เป็นสารสกัดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการสกินแคร์ ด้วยคุณสมบัติหลากหลายและอ่อนโยน จึงเหมาะกับทุกสภาพผิวตั้งแต่ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวเป็นสิว ไปจนถึง ผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้[1], [2] หลายคนมักถามว่า Niacinamide ช่วยอะไร? คำตอบคือ ไนอาซินาไมด์/ไนอะซินาไมด์ มีคุณสมบัติที่ครอบคลุมปัญหาผิวหลายด้าน ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ด้วยประโยชน์ของ Niacinamide ที่หลากหลายนี้ จึงทำให้ ไนอาซินาไมด์ คือ สารที่มีงานวิจัยสนับสนุนอย่างกว้างขวาง และถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตั้งแต่กลุ่มลดสิว[3], [4], ผิวกระจ่างใส[5], [6], รวมไปถึงชะลอวัย[7]
| ชื่อสามัญ | Niacinamide |
| ลักษณะ | ผงสีขาว |
| แหล่งที่มา | Niacinamide ที่ใช้ในสกินแคร์ส่วนใหญ่มาจากการสังเคราะห์ทางเคมี |
| ประโยชน์ | ควบคุมความมัน เพิ่มความกระจ่างใส ช่วยลดรอยดำ-รอยสิว ต้านการอักเสบ เพิ่มเกราะป้องกันผิว |
| ผลิตภัณฑ์ที่แนะนำ | Nectapharma Bioactive Acne Clear Serum, Nectapharma Dual Booster Encap 0.1 Retinol Serum |
TLDR
Niacinamideหรือวิตามินบี 3 เป็นสารสกัดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสกินแคร์ มีประโยชน์รอบด้าน ช่วยลดสิว รอยดำ กระชับรูขุมขน ฟื้นฟูเกราะผิว และเสริมความชุ่มชื้น เหมาะกับทุกสภาพผิวแม้ผิวแพ้ง่าย
ความเข้มข้น 2–5% เพียงพอต่อผลลัพธ์ชัดเจน ขณะที่ความเข้มข้น 10–15% อาจเพิ่มโอกาสระคายเคือง โดยเฉพาะในผิวบอบบางหรือหากใช้ร่วมกับกรด
ใช้ได้ทั้งเช้า–เย็น และสามารถจับคู่กับ Active หลายชนิด เช่น Zinc PCA, Tranexamic Acid, Undecylenoyl Phenylalanine เพื่อเสริมประสิทธิภาพเรื่องรอยดำและการควบคุมสิวได้ดียิ่งขึ้น
เจาะลึก Niacinamide ช่วยอะไร? และเหตุผลที่ควรเลือกใช้ไนอาซินาไมด์/ไนอะซินาไมด์
หากถามว่า Niacinamide ประโยชน์มีอะไรบ้าง มีการศึกษาในงานวิจัยจำนวนมากที่ยืนยันว่า Niacinamide (ไนอาซินาไมด์/ไนอะซินาไมด์) มีทั้งฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยลดการเกิดสิว ลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดการขนส่งเม็ดสี เสริมการทำงานของ Skin Barrier รวมถึงช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้นโดยรวม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นในสูตรที่ใช้

-
ควบคุมความมันและลดสิว
Niacinamide (ไนอาซินาไมด์/ไนอะซินาไมด์) เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่มีผิวมันและเป็นสิวง่าย โดยมีงานวิจัยสนับสนุนว่า Niacinamide เข้มข้น 2–4% สามารถช่วยลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน (Sebum) บนใบหน้า และช่วยลดสิวอักเสบได้โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ประโยชน์ของ Niacinamide จึงตอบโจทย์ทั้งในด้านการควบคุมความมันและลดโอกาสการเกิดสิวอย่างได้ผลจริง[3], [4]

-
เพิ่มความกระจ่างใส และช่วยลดรอยดำ-รอยสิว
Niacinamide (ไนอาซินาไมด์/ไนอะซินาไมด์) มีคุณสมบัติในการช่วยให้ผิวกระจ่างใส ช่วยลดรอยดำ รอยสิวและความหมองคล้ำของผิว โดยสามารถยับยั้งกระบวนการส่งผ่านเม็ดสีเมลานินจากเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ไปยังเซลล์ผิวชั้นบน (Keratinocytes) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการศึกษาในผู้ที่มีปัญหาฝ้าและรอยดำพบว่า Niacinamide ความเข้มข้น 4-5% ช่วยลดความเข้มของเม็ดสีได้อย่างชัดเจนภายใน 4-8 สัปดาห์ โดยไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว[5], [10]


-
ช่วยต้านการอักเสบ Anti-Inflammatory Effect
ประโยชน์ของ Niacinamide คือช่วยลดการอักเสบของผิวอย่างอ่อนโยน เหมาะกับผู้ที่เป็นสิว ผิวแพ้ง่าย ช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงขึ้น จากงานวิจัยพบว่า Niacinamide (ไนอาซินาไมด์/ไนอะซินาไมด์) ช่วยลดการหลั่งสารก่อการอักเสบ (เช่น IL-6, IL-8 และ TNF-α) จึงช่วยลดการระคายเคืองและอาการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นในกลุ่มสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Niacinamide ผิวแพ้ง่ายจึงสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการระคายเคือง[8]

-
ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ให้ผิวแข็งแรงขึ้น
หนึ่งในคำตอบสำคัญของ “Niacinamide ช่วยอะไร?” คือ Niacinamide ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว โดยช่วยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ (Ceramide) ซึ่งเป็นไขมันธรรมชาติในผิวที่ช่วยเก็บความชุ่มชื้น และปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียน้ำ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาผิวแห้ง ลอก หรือระคายเคืองได้เป็นอย่างดี[9]

Niacinamide ห้ามใช้กับอะไร และข้อเสียที่ควรรู้
โดยทั่วไป Niacinamide (ไนอาซินาไมด์/ไนอะซินาไมด์) จัดเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง โดยมีงานวิจัยทางคลินิกระบุว่า ความเข้มข้นระหว่าง 2-5% เพียงพอในการให้ประโยชน์ต่อผิว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลดรอยสิว ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ช่วยลดการอักเสบ รวมไปถึงช่วยควบคุมความมัน แม้ในท้องตลาดจะมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ Niacinamide 10% หรือ Niacinamide 15% แต่ความเข้มข้นที่สูงเกินความจำเป็นเหล่านี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการแสบ แดง หรือระคายเคืองได้ โดยยังไม่ได้มีงานวิจัยสนับสนุนว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่า 5% อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงว่า Niacinamide ห้ามใช้กับอะไร? หรือ Niacinamide ข้อเสียอะไรที่ควรรู้? หนึ่งในประเด็นที่ควรระวังคือ การใช้ร่วมกับสารที่มีความเป็นกรดสูง เช่น Lactic Acid 5% อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองเล็กน้อยในบางราย ดังนั้นหากต้องการใช้สินค้าสูตรที่มี Niacinamide ร่วมกับกรด ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีผลทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด[11]
Niacinamide ใช้ตอนไหน? และเพื่อประโยชน์ต่อผิว Niacinamide ใช้คู่กับอะไรได้บ้าง?
จากข้อมูลงานวิจัย Niacinamide ใช้ตอนไหน เนื่องจากเป็นสารที่มีโอกาสระคายเคืองต่ำ และไม่ไวต่อแสง จึงสามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น นอกจากนี้ Niacinamide ยังทำงานได้ดีร่วมกับ active อื่นๆ เช่น:
- Zinc PCA: เสริมฤทธิ์ในการควบคุมความมัน และการอักเสบของสิว[12]
- Undecylenoyl Phenylalanine: เมื่อใช้ร่วมกัน พบว่าช่วยลดเลือนจุดด่างดำและรอยคล้ำได้ชัดเจนภายใน 8 สัปดาห์ [13]
- Tranexamic Acid: เมื่อใช้ร่วมกันกับ Niacinamide จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ และลดจุดด่างดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ[14]